คุณสมบัติของตะแกรงเหล็กฉีกรุ่นต่างๆ
ตะแกรงเหล็กฉีกหรือตะแกรงฉีก (Expanded Metal) ผลิตโดยการยืดแผ่นเหล็กเพื่อสร้างลวดลายเฉพาะ ทำให้มีความแข็งแรงและทนทานโดยไม่ต้องใช้การเชื่อม เหมาะสำหรับรองรับน้ำหนักสูงในขณะที่รักษาความเบาและการระบายอากาศได้ดี
คุณสมบัติของตะแกรงเหล็กฉีกแต่ละรุ่น
ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น XS เป็นกลุ่มของเหล็กฉีกที่มีระยะห่างของช่องตาค่อนข้างเล็ก มีน้ำหนักเบา โดยมีให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับงานทั้งหมดประมาณ 15 รุ่น ซึ่งสามารถจัดกลุ่มแยกย่อยตามการใช้งาน
- ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น XS-31, XS-32, และ XS-33 เป็นตะแกรงฉีกที่มีช่องตาเล็กที่สุดโดยมีความกว้างประมาณ 12 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา เหมาะกับการทำผนังป้องกันนก หนู สัตว์ต่าง ๆ หรือเป็นผนังบังตา
- ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น XS-41, XS-42, และ XS-43 มีความกว้างช่องตาของเหล็กฉีกขนาดหนาปานกลางที่ประมาณ 22 มิลลิเมตร นิยมนำมาทำผนังบังตา ติดตามราวบันได หรือราวระเบียง ราวกันตก
- ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น XS-51, XS-52, และ XS-53 ยังคงเป็นตะแกรงฉีกขนาดหนาปานกลางที่มีช่องตากว้างประมาณ 25 มิลลิเมตร แต่มีความแข็งแรงทนทาน ปลอดภัย มักนำมาใช้ทำพื้นปูทางเดินแบบพื้นลอยของอาคารสูงและโรงงาน
- ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น XS-61, XS-62, และ XS-63 เป็นเหล็กฉีกรุ่นที่มีความโดดเด่นในด้านของความแข็งแรง ปลอดภัย เพราะมีช่องตาที่กว้าง 34 มิลลิเมตร สันที่ใหญ่ 3-5 มิลลิเมตร และมีความหนากว่ารุ่นอื่น ๆ เหมาะกับการนำไปใช้เป็นฝ้า ผนังห้อง หรือราวกันตกด้านนอกอาคาร
- ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น XS-71, XS-72, และ XS-73 มีขนาดช่องตากว้างมากที่สุดประมาณ 50 มิลลิเมตร นิยมใช้ทำรั้วบ้าน รั้วสนามกีฬาต่าง ๆ
ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น XG เป็นเหล็กฉีกรุ่นที่มีจุดเด่นอยู่ที่ความหนา สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก โดยแบ่งเป็นกลุ่มย่อยตามขนาดความหนาของตะแกรงและสันได้
- ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น XG-10, XG-11, และ XG-12 นิยมนำไปใช้ในการปูพื้นกันลื่น ทำราวกันตก ทำรั้วที่มีความแข็งแรง
- ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น XG-20, XG-21, และ XG-22 เหมาะกับงานปูพื้นรถขนส่ง รถเครน หรือทำพื้นทางเดิน ไปจนถึงการใช้ปูพื้นทำงทางให้รถวิ่งได้
ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น G จะมีรุ่นแยกย่อย เช่น G-1, G-2, และ G5 เป็นตะแกรงฉีกรุ่นที่สังเกตได้ง่าย เพราะมีช่องตาเป็นรูปหกเหลี่ยมแบบรังผึ้ง ดูมีความโมเดิร์น สวยงาม และยังคงความแข็งแรงทนทานในการรองรับน้ำหนักได้ดี จึงเหมาะกับการนำไปปูพื้นทางเดิน ทำผนังราวระเบียง ราวกันตก ตลอดจนตกแต่งประตู หน้าต่าง หรือเป็นส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วย
ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น S เป็นตะแกรงฉีกอีกหนึ่งรุ่นที่ผลิตขึ้นมาเป็นลวดลายพิเศษโดยเฉพาะ เช่น เหล็กฉีกรุ่น S-6 ที่มีช่องตารูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดผสมกับช่องตารูปหกเหลี่ยมแนวยาว หรือ เหล็กฉีกรุ่น S-18 ที่มีช่องตาสี่เหลี่ยมแต่เน้นทำให้ขอบมนและซ้อนกันจนมีลักษณะคล้ายคลื่น และเหล็กฉีกรุ่น S-31 ที่มีช่องตาคล้ายกับรุ่น S-6 แต่มีความโค้งมนของขอบ ทำให้ดูนุ่มนวลมากกว่า เป็นต้น ด้วยความโดดเด่นของลวดลายเหล่านี้ จึงนิยมใช้ในงานด้านงานตกแต่งอาคารสถานที่ ทั้งการทำเหล็กดัดประตู หน้าต่าง ทำลูกกรง แผงกั้น หรือติดตั้งเป็นฝ้า หรือราวระเบียง ซึ่งทำให้ได้ทั้งความปลอดภัยและดีไซน์ที่สวยงาม
ตะแกรงเหล็กฉีก รุ่น CT เป็นเหล็กฉีกที่มีลักษณะพิเศษคือ มีขนาดของช่องตาที่เล็กกว่าตะแกรงฉีกรุ่นมาตรฐาน โดยจะมีให้เลือกใช้งานแยกตามรุ่นย่อย ๆ จำนวน 7 รุ่น คือ CT1 จนถึง CT7 ซึ่งทุกรุ่นจะมีความหนาเพียง 6 มิลลิเมตร และวัสดุที่ใช้ผลิตตะแกรงฉีกรุ่น CT จะเป็นเหล็กขาว (SPCC) เหมาะสำหรับการนำไปใช้ เช่น การทำไส้กรอง ช่องระบายอากาศ หม้อกรอง หรือเป็นตะแกรงกั้นจ๊อยต์สำหรับงานฉาบปูนเพื่อป้องกันแตกร้าว
เทคนิคการเลือกใช้ตะแกรงเหล็กฉีกที่มีคุณสมบัติดีและเหมาะสม
- พิจารณาเลือกใช้งานจากขนาดความหนาของตะแกรงฉีก และขนาดของรูปตะแกรงเป็นหลัก เพื่อให้ได้เหล็กฉีกที่แข็งแรงและเหมาะสมกับงานที่จะนำไปใช้
- ตะแกรงเหล็กฉีกจะต้องมีความหนาของแผ่นตะแกรง ขนาดรู ความกว้างและความยาวของช่องตา และน้ำหนักตามที่ระบุเป็นมาตรฐานของแต่ละรุ่นที่เลือกใช้
- ลักษณะของตะแกรงฉีกต้องมีความเรียบเสมอกันตลอดทั้งแผ่น ไม่ควรมีเสี้ยนส่วนเกินบริเวณสันหรือช่องต่อของลาย
- หากต้องการให้ตะแกรงเหล็กฉีกมีอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น สามารถพิจารณาใช้เหล็กฉีกที่มีการเคลือบสังกะสีหรือกัลวาไนซ์ ก็จะทำให้ช่วยป้องกันสนิมให้กับเหล็กฉีกได้
ดูราคาตะแกรงเหล็กฉีก เพิ่มเติมได้ที่ (คลิก)